รวมระบบจ่ายเงินออนไลน์ให้ปัง ธุรกิจโตไว ไม่ทำตามพลาดเงินล้าน!

webmaster

** "A bustling Bangkok street food stall at night, vibrant colors, delicious Thai food displayed, happy customers, neon signs in Thai script, high resolution, photorealistic."

**

ในยุคดิจิทัลที่การค้าขายออนไลน์เฟื่องฟู การมีระบบชำระเงินที่หลากหลายและใช้งานง่ายบนเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับธนาคารโดยตรง, e-wallets ยอดนิยม, หรือแม้แต่การรองรับ cryptocurrencies ต่างๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและดึงดูดลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ลองทำธุรกิจออนไลน์ การมีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุม ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะลูกค้าสามารถเลือกวิธีที่พวกเขาถนัดและมั่นใจได้เลยล่ะค่ะและที่สำคัญไปกว่านั้น เทรนด์การชำระเงินในอนาคตกำลังมุ่งไปสู่ความรวดเร็ว ปลอดภัย และไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น AI และ Blockchain จะมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ทำให้การทำธุรกรรมออนไลน์มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นไปอีกนะคะยิ่งไปกว่านั้น กระแสของ BNPL (Buy Now Pay Later) หรือ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ก็กำลังมาแรงแซงทางโค้ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ต้องการได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินก้อนในทันทีค่ะดังนั้น การทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและแนวโน้มใหม่ๆ เหล่านี้ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ในยุคปัจจุบันและอนาคตเลยล่ะค่ะเอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสสำคัญนี้ มาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ละเอียดกันเลยดีกว่าค่ะ!

การเลือกช่องทางการชำระเงินที่ใช่ ตอบโจทย์ธุรกิจคุณการเลือกช่องทางการชำระเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณนั้น เปรียบเสมือนการติดปีกให้ธุรกิจของคุณสามารถบินไปได้ไกลและสูงขึ้น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าโดยตรง หากลูกค้าสามารถชำระเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โอกาสที่พวกเขาจะกลับมาซื้อซ้ำก็จะสูงขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

1. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ

* ลูกค้าของคุณส่วนใหญ่เป็นใคร? (Gen Z, Millennials, Gen X, Baby Boomers) แต่ละกลุ่มก็มีพฤติกรรมการชำระเงินที่แตกต่างกัน Gen Z อาจจะชอบ e-wallets หรือ cryptocurrencies ในขณะที่ Baby Boomers อาจจะยังคุ้นเคยกับการโอนเงินผ่านธนาคารมากกว่า

รวมระบบจ - 이미지 1
* พวกเขามักจะซื้อสินค้า/บริการของคุณผ่านช่องทางไหน?

(เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, โซเชียลมีเดีย) ช่องทางที่ใช้ก็มีผลต่อช่องทางการชำระเงินที่ควรมี เช่น ถ้าขายผ่าน Instagram ก็ควรมีช่องทางที่รองรับการชำระเงินผ่าน Instagram โดยตรง
* พวกเขามีความกังวลเรื่องอะไรบ้างในการชำระเงินออนไลน์?

(ความปลอดภัย, ค่าธรรมเนียม, ความยุ่งยาก) การมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และช่องทางการชำระเงินที่โปร่งใส ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง จะช่วยลดความกังวลของลูกค้าได้ค่ะ

2. พิจารณาประเภทของธุรกิจของคุณ

* คุณขายสินค้าหรือบริการประเภทไหน? (สินค้า physical, digital products, บริการ) สินค้าแต่ละประเภทก็อาจจะเหมาะกับช่องทางการชำระเงินที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าขายสินค้า digital ก็อาจจะเน้นไปที่การรองรับ e-wallets หรือ cryptocurrencies มากกว่า
* มูลค่าเฉลี่ยของการสั่งซื้อแต่ละครั้งอยู่ที่เท่าไหร่?

ถ้ามูลค่าสูง อาจจะต้องมีช่องทางการผ่อนชำระเพื่อดึงดูดลูกค้า
* คุณมีงบประมาณในการลงทุนกับระบบชำระเงินเท่าไหร่? ช่องทางการชำระเงินแต่ละแบบก็มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่แตกต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณ

3. เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละช่องทางการชำระเงิน

* การโอนเงินผ่านธนาคาร: เป็นที่นิยมในประเทศไทย แต่ลูกค้าต้องออกจากหน้าเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเพื่อไปทำรายการ ทำให้เสียเวลาและอาจจะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจได้
* บัตรเครดิต/เดบิต: สะดวกและรวดเร็ว แต่มีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูง
* e-wallets (เช่น TrueMoney Wallet, Rabbit LINE Pay, ShopeePay): เป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่บางครั้งอาจจะมีปัญหาเรื่องความเสถียรของระบบ
* พร้อมเพย์: สะดวก รวดเร็ว และค่าธรรมเนียมต่ำ แต่ต้องมี QR code หรือเบอร์โทรศัพท์ให้ลูกค้าสแกน/กรอก
* เก็บเงินปลายทาง (COD): เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าที่ไม่มั่นใจในการชำระเงินออนไลน์ แต่มีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะไม่รับสินค้า

เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน

ในยุคที่มิจฉาชีพออนไลน์มีกลโกงที่ซับซ้อนมากขึ้น การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าข้อมูลของพวกเขาจะปลอดภัยเมื่อชำระเงินบนเว็บไซต์ของคุณจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

1. ใช้ SSL Certificate

* SSL Certificate คืออะไร? คือใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งระหว่างเว็บไซต์และผู้ใช้งาน ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปมาไม่สามารถถูกดักจับหรือแก้ไขได้
* ทำไมถึงสำคัญ?

การมี SSL Certificate จะแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีความปลอดภัย และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า
* วิธีตรวจสอบว่าเว็บไซต์มี SSL Certificate หรือไม่?

สังเกตที่ Address Bar ของ Browser จะต้องมีรูปแม่กุญแจสีเขียว และ URL จะต้องขึ้นต้นด้วย

2. เลือก Payment Gateway ที่ได้มาตรฐาน

* Payment Gateway คืออะไร? คือตัวกลางที่ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลการชำระเงินระหว่างเว็บไซต์ของคุณกับธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรเครดิต
* ทำไมต้องเลือก Payment Gateway ที่ได้มาตรฐาน?

Payment Gateway ที่ได้มาตรฐานจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าจะปลอดภัย
* ตัวอย่าง Payment Gateway ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เช่น Omise, 2C2P, Paysolutions

3. สร้างนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน

* นโยบายความเป็นส่วนตัวคืออะไร? คือเอกสารที่อธิบายว่าเว็บไซต์ของคุณจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอย่างไร
* ทำไมต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน?

การมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าข้อมูลของพวกเขาจะถูกนำไปใช้อย่างไร และช่วยสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ
* สิ่งที่ควรมีในนโยบายความเป็นส่วนตัว: ประเภทของข้อมูลที่เก็บรวบรวม, วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม, วิธีการใช้ข้อมูล, การเปิดเผยข้อมูล, สิทธิของลูกค้าในการเข้าถึง แก้ไข หรือลบข้อมูล

เจาะลึกเทรนด์การชำระเงินมาแรงที่ธุรกิจออนไลน์ต้องรู้

โลกของการชำระเงินออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากคุณต้องการที่จะอยู่ในเกมและไม่ตกเทรนด์ การทำความเข้าใจเทรนด์การชำระเงินมาแรงจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

1. Buy Now Pay Later (BNPL)

* BNPL คืออะไร? คือบริการที่ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าหรือบริการก่อน แล้วค่อยผ่อนชำระเป็นงวดๆ ในภายหลัง โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต
* ทำไมถึงเป็นที่นิยม?

ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ต้องการได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินก้อนในทันที เหมาะสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่มีบัตรเครดิต หรือต้องการที่จะบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เป็นระบบ
* ผู้ให้บริการ BNPL ในประเทศไทย: Atome, Hoolah, TTB Pay Later

2. Cryptocurrencies

* Cryptocurrencies คืออะไร? คือสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการรักษาความปลอดภัย
* ทำไมถึงน่าสนใจ? มีความปลอดภัยสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และสามารถใช้ได้ทั่วโลก เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
* Cryptocurrencies ที่ได้รับความนิยม: Bitcoin, Ethereum, USDT

3. Contactless Payments

* Contactless Payments คืออะไร? คือการชำระเงินโดยไม่ต้องสัมผัส เช่น การใช้บัตรเครดิต/เดบิตที่มีสัญลักษณ์ Contactless แตะที่เครื่อง EDC หรือการใช้ QR code
* ทำไมถึงเป็นที่นิยม?

สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการลดการสัมผัส เช่น ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค

เปรียบเทียบช่องทางการชำระเงินยอดนิยม: เลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจคุณ

เพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละช่องทางการชำระเงินได้ง่ายขึ้น ลองดูตารางสรุปด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

ช่องทางการชำระเงิน ข้อดี ข้อเสีย เหมาะสำหรับ
การโอนเงินผ่านธนาคาร เป็นที่นิยม, น่าเชื่อถือ ลูกค้าต้องออกจากหน้าเว็บไซต์/แอป, อาจใช้เวลานาน ธุรกิจที่มีฐานลูกค้ากว้างขวาง
บัตรเครดิต/เดบิต สะดวก, รวดเร็ว ค่าธรรมเนียมสูง ธุรกิจที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว
e-wallets เป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่, สะดวก บางครั้งอาจมีปัญหาเรื่องความเสถียร ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
พร้อมเพย์ สะดวก, รวดเร็ว, ค่าธรรมเนียมต่ำ ต้องมี QR code/เบอร์โทรศัพท์ ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง
เก็บเงินปลายทาง (COD) ดึงดูดลูกค้าที่ไม่มั่นใจในการชำระเงินออนไลน์ มีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะไม่รับสินค้า ธุรกิจที่ขายสินค้า physical
BNPL ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น, เพิ่มยอดขาย มีค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการ ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่

จัดการค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้คุ้มค่า

การบริหารจัดการค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบชำระเงินอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้คุณสามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้

1. เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละช่องทางการชำระเงิน

* ค่าธรรมเนียมในการทำรายการ (Transaction Fee): เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากการทำรายการแต่ละครั้ง โดยส่วนใหญ่จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขาย
* ค่าธรรมเนียมรายเดือน (Monthly Fee): เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเป็นรายเดือนสำหรับการใช้บริการ
* ค่าธรรมเนียมในการติดตั้ง (Setup Fee): เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บครั้งเดียวเมื่อเริ่มใช้บริการ
* ค่าธรรมเนียมอื่นๆ (Other Fees): เช่น ค่าธรรมเนียมในการถอนเงิน, ค่าธรรมเนียมในการทำรายการข้ามประเทศ

2. เจรจาต่อรองกับผู้ให้บริการ

* หากคุณมีปริมาณการทำรายการที่สูง คุณอาจจะสามารถเจรจาต่อรองกับผู้ให้บริการเพื่อขอส่วนลดค่าธรรมเนียมได้
* ลองสอบถามโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจพิเศษที่ผู้ให้บริการมีให้

3. เลือกช่องทางการชำระเงินที่เหมาะสมกับปริมาณการทำรายการของคุณ

* หากคุณมีปริมาณการทำรายการที่น้อย อาจจะเลือกใช้ช่องทางการชำระเงินที่มีค่าธรรมเนียมรายเดือนต่ำ แต่มีค่าธรรมเนียมในการทำรายการที่สูง
* หากคุณมีปริมาณการทำรายการที่สูง อาจจะเลือกใช้ช่องทางการชำระเงินที่มีค่าธรรมเนียมรายเดือนสูง แต่มีค่าธรรมเนียมในการทำรายการที่ต่ำ

สร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นและน่าประทับใจ

การสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นและน่าประทับใจ จะช่วยให้ลูกค้าของคุณรู้สึกพึงพอใจและกลับมาซื้อซ้ำในอนาคต

1. ออกแบบหน้าชำระเงินให้ใช้งานง่าย

* ใช้ Layout ที่เรียบง่ายและสะอาดตา
* มีคำแนะนำที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย
* ลดขั้นตอนในการชำระเงินให้เหลือน้อยที่สุด
* ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าชำระเงิน Responsive และสามารถใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์

2. ให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

* มีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย เช่น Live Chat, Email, โทรศัพท์
* ตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็วและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
* แก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

3. สร้างความรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจให้กับลูกค้า

* แสดงสัญลักษณ์ของระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
* มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน
* ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดต่อหากมีปัญหาการเลือกช่องทางการชำระเงินที่เหมาะสมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในระยะยาว หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกช่องทางการชำระเงินที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณได้นะคะ

บทสรุปส่งท้าย

การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์การชำระเงินที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ หรือการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยให้ทันสมัยอยู่เสมอ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนค่ะ

อย่าลืมให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ดีให้กับลูกค้า เพราะความพึงพอใจของลูกค้าคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในระยะยาวนะคะ

หากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยนะคะ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอค่ะ

เกร็ดความรู้

1. ตรวจสอบ Payment Gateway ที่ให้บริการในประเทศไทยว่ามีค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณหรือไม่

2. ลองใช้บริการทดลองของ Payment Gateway ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

3. ศึกษาข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินออนไลน์ในประเทศไทย เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

4. อัปเดตระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของคุณอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากแฮกเกอร์

5. จัดอบรมให้พนักงานของคุณมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการชำระเงินออนไลน์และความปลอดภัย เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างถูกต้อง

ประเด็นสำคัญที่ควรจำ

– ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและพฤติกรรมการชำระเงินของพวกเขา

– พิจารณาประเภทของธุรกิจและงบประมาณของคุณ

– เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละช่องทางการชำระเงิน

– สร้างความน่าเชื่อถือด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน

– จัดการค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้คุ้มค่า

– สร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นและน่าประทับใจ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖

ถาม: ถ้าอยากเริ่มขายของออนไลน์ ต้องมีช่องทางการชำระเงินแบบไหนบ้างที่คนไทยนิยมใช้กัน?

ตอบ: คนไทยส่วนใหญ่นิยมจ่ายเงินออนไลน์ผ่านหลายช่องทางเลยค่ะ หลักๆ ก็จะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคารโดยตรง เพราะสะดวกและคุ้นเคยกันดี นอกจากนี้ e-wallets อย่าง TrueMoney Wallet หรือ Rabbit LINE Pay ก็ได้รับความนิยมมาก เพราะใช้งานง่ายและมีโปรโมชั่นบ่อยๆ ค่ะ ที่สำคัญคืออย่าลืมพิจารณาช่องทางการชำระปลายทาง (COD) ด้วยนะคะ เพราะยังมีลูกค้าอีกจำนวนไม่น้อยที่ชอบจ่ายเงินเมื่อได้รับสินค้าแล้วค่ะ

ถาม: BNPL (Buy Now Pay Later) เหมาะกับธุรกิจแบบไหน และมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง?

ตอบ: BNPL เหมาะกับธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการที่ราคาสูงหน่อยค่ะ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์, หรือคอร์สเรียนออนไลน์ เพราะช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่อนจ่ายได้โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ข้อดีคือช่วยกระตุ้นยอดขายได้มาก และดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้ด้วย แต่ข้อเสียคือธุรกิจต้องแบกรับความเสี่ยงหากลูกค้าไม่ชำระหนี้ และอาจมีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้ผู้ให้บริการ BNPL ด้วยค่ะ

ถาม: ในอนาคต เทคโนโลยีอะไรที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเงินออนไลน์ในประเทศไทยบ้าง?

ตอบ: ในอนาคตอันใกล้นี้ AI และ Blockchain จะมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินออนไลน์แน่นอนค่ะ AI จะช่วยในการตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ทำให้การทำธุรกรรมปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่วน Blockchain จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมข้ามประเทศ นอกจากนี้ cryptocurrencies ก็อาจจะเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่คงต้องใช้เวลาอีกหน่อยเพื่อให้คนไทยคุ้นเคยและยอมรับกันค่ะ

📚 อ้างอิง